วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2554

จาก ชาใบหม่อน สู่ น้ำลูกหม่อน

จาก ชาใบหม่อน สู่ น้ำลูกหม่อน
        ชาใบหม่อน รู้จักและยอมรับรับกันอย่างแพร่หลายว่ามีคุณภาพดี ปัจจุบันมี น้ำลูกหม่อน ที่ให้คุณค่ายิ่งกว่า
        ใบหม่อนเป็นพืชสมุนไพรอีกชนิดหนึ่ง ในอดีตใบนอกจากใช้เลี้ยงไหมแล้วยังใช้ประกอบเป็นอาหารได้หลายชนิด เช่น ใส่ต้มยำ แกงอ่อม ชุบแป้งทอด ลวกราดด้วยกะทิกินกับน้ำพริก ยำปลากระป๋อง และข้าวยำ เพราะมีความเชื่อว่าใบหม่อนสามารถเพิ่มรสชาติของอาหารและมีคุณค่าทางโภชนาการ เนื่องจากมีโปรตีนและแร่ธาตุต่างๆ เช่น แคลเซียมสูง
        ประเทศจีนได้ใช้ใบหม่อนเป็นพืชสมุนไพรรักษาอาการไอ ความดันเลือดสูง และคลายกังวล
       ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นและโรมาเนีย ได้ตรวจพบกาบา (GABA= Gamma aminobutyric acid) ที่มีคุณสมบัติในการลดความดันเลือดในหนูและมนุษย์ นอกจากนี้ยังพบไซโตสเตอรอล (Sitosterol) ที่สามารถลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดของกระต่ายได้
       แม้จะยังไม่มีการศึกษาถึงคุณสมบัติทางเภสัชวิทยาในประเทศไทย แต่เราก็พบว่ามีแร่ธาตุและวิตามินที่มีความจำเป็นสำหรับร่างกายหลายชนิด เช่น แคลเซียม และโปแตสเซียม ซึ่งมีปริมาณสูง นอกจากนี้ยังมี โซเดียม เหล็ก สังกะสี วิตามิน เอ ปี และซี และทีสำคัญคือ พบกรดอะมิโน ที่จำเป็นต่อร่างกายมนุษย์ครบทุกชนิดคือ ไอโวโลคซีน (Ivoleucine) ลูซีน (leucine) เมไธโอนีน (Methionine) ซีสตีน (Cystine) ฟีนิลอะลานีน (Phenylalaine)ไธโรซีน (Tyrosine) ธรีโอนีน (Threonine) ทริฟโตเฟน (Tryptophan) ไลซีน (Lysine) และวาลีน (valoine)
             ในปี 2543 สถาบันวิจัยหม่อนไหม กรมวิชาการเกษตร ได้ร่วมมือวิจัยกับคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต พบสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) ในใบหม่อน ชนิดคือ เคอเซติน (Quercetin) ไลซีน (Lysin) และรูติน (Rutin) 
   คนไทยนำหม่อนมาใช้ประโยชน์มากกว่านำใบไปเป็นอาหารของตัวไหม เช่น นำใบหม่อนมาทำชา นำผลมาทำน้ำผลไม้ ทำไวน์ ทำแยม ทำเยลลี่
        ผลหม่อน รักษาโรคไขข้อ บำรุงหัวใจ บำรุงผมให้ดกดำ รากหม่อน สามารถลดปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือด    
    วิโรจน์ แก้วเรือง เขียนบทความเรื่อง มีอะไรใหม่ในชาหม่อน ระบุไว้ว่า ในใบหม่อนมีสารเควอซิติน (Quercetin) และ เคมเฟอรอล (Kaempferol) ซึ่งเป็นสารกลุ่มฟลาโวนอยส์ (Flavonoids) ที่มี
คุณสมบัติดังนี้   
    1. ป้องกันการดูดซึมของน้ำตาลในลำไส้เล็ก ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่เพิ่มขึ้น
    2. ทำให้กระแสเลือดหมุนเวียนดี และหลอดเลือดแข็งแรง
    3. ยับยั้งการเกิดสารก่อมะเร็งเม็ดเลือดมะเร็งเต้านมและมะเร็งลำไส้ใหญ่
    4. ลดอาการแพ้ต่าง ๆ และยืดอายุเม็ดเลือดขาว 
    5. สารทั้งสองชนิดนี้ สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายทางลำไส้เล็กและไม่เปลี่ยนแปลงสภาพ
    6. พืชใช้สารเหล่านี้เพื่อใช้ทนต่อลม ฝน แสงแดด ซึ่งร่างกายมนุษย์ไม่ สามารถสร้างขึ้นเองได้ต้องอาศัยพืช นอกจากนั้นยังพบสารโพลีฟีนอล (Polyphenols) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าสาร
สำคัญ ชนิด ที่กล่าวมาข้างต้น




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น